[Review]ตะลุยเดี่ยว โบกรถเที่ยวแม่ริม

การเดินทางไปไหนมาไหนคนเดียว รับรองว่าไม่มีการนัดแล้วล่มแน่นอน มาถึงรีวิวท่านนี โบกรถไปแม่ริมคนเดียว เป็นทริปที่น่าสนใจเลยทีเดียว ลองไปดูวิถีของเค้ากันเลย ว่าจะทำให้ทริปนี้ของคุณ สนุกได้เช่นกันรึเปล่า

หลายครั้งที่พอบอกใครว่าเดินทางคนเดียวเที่ยวคนเดียวมักมีคนตั้งคำถามตราหน้าว่าทำไมอ่ะก็คนไม่มีคู่ก็ต้องไปคนเดียวบอกเลยใครไม่เคยเที่ยวคนเดียวไม่รู้หรอกว่ามันดียังงัย

เราสามารถนอนตื่นสายทลายโปรแกรมแวะชมธรรมชาติเดินลากขาไปเรื่อยๆนั่งแช่ตูดได้นานๆยิ่งเดี๋ยวนี้มีไม่เซฟฟี่กับรีโมทไม่จำเป็นต้องพึ่งคนถ่ายรูปให้เลย

ตปท. ก็ไปมาแล้วเมืองไทยก็เคยลองครั้งนี้แบกเป้ขึ้นเหนือนอนฟังเสียงน้ำสัมผัสอากาศเย็นๆแค่เย็นๆนะไม่ถึงกับหนาว

บังเอิญเจอส่วนลดค่าที่พักจากเว็ปหนึ่งตัดสินใจจองการเดินทางคนเดียวต้องคำนึงถึงค่าใช้จ่ายด้วยเพราะเราต้องจ่ายเต็มไม่มีตัวหาร

อย่างปกตินอนห้องละ2000 นอน2 คนหารกันเหลือ1000 พอมาคนเดียวก็ต้องหาที่มันคุ้มหน่อยราคาห้อง2xxx ลดลงจ่ายแบงค์พันยังได้ทอนสบายกระเป๋าไปหวยเลยออกที่แม่ริม

ที่พักสงบๆติดลำธารอยู่ท่ามกลางต้นไม้

สอบถามทางมากับทางเจ้าหน้าที่โรงแรมตัดสินใจมาง่ายๆจากในเมืองเชียงใหม่มาจากนิมมานโบกรถแดงถามเค้าว่าผ่านประตูช้างเผือกป่าวด้วยความซื่อเพราะที่โรงแรมบอกมามีรถโดยสารมาลงแม่ริมที่ประตูช้างเผือกเคยเห็นแว๊บๆ

ถึงประตูช้างเผือกลงเลยจ้า

ไม่พูดพร่ำทำเพลงจ่าย20 จ้าจำไว้ไปที่ไหนในเชียงใหม่จ่าย20 อย่าถามว่าเท่าไหร่ถามปุ๋บราคาขึ้นปั๋บแต่ถ้าออกไปนอกๆเมืองหน่อยก็เกินนะจ๊ะ

มาหารถไปแม่ริมกันดีกว่าแล้วมันจอดที่ไหนหล่ะเนี่ยถามทางชาวบ้านไปเรื่อยเดินเข้าถนนช้างคลานไปอีกเกือบ1 กิโลจะเจอท่าจอดรถ

ไปอำเภอต่างๆของเชียงใหม่เช่นแม่แตงฮอดท่าตอนสันกำแพงขึ้นที่นี่เกือบหมด

รถที่วิ่งไปรอบนอกสีเหลืองแม่ริมหาไม่ยากแถมมีป้ายบอกว่ารถออกทุก5 นาทีนั่งรอในรถสักพักพอมีคนขึ้นสัก6 -7 คนรถก็ออกวิ่งมาเรื่อยๆส่งคนบ้างรับคนบ้างพอมาถึงหน้าที่ว่าการอำเภอแม่ริมคนขับรถก็จอดส่งค่ารถที่นั่งมาเกือบครึ่งชั่วโมงแค่16 บาทสิบหกบาทจีจีนะ  ไม่ได้โกหกช่างต่างจากรถแดงในเมืองโดยแท้

หันไปหันมาเห็นรถรับจ้างมอเตอร์ไซด์พ่วงข้างก็โดดเข้าใส่พร้อมยื่นโทรศัพท์ให้คนที่โรงแรมบอกทางคุณลุงตกลงค่าน้ำมันกันที่60 บาท

พอรถเลี้ยวเข้าซอยสายตาเหลือบไปเห็นพิพิธภัณฑ์เจ้าดารารัศมีป้ายบอกว่าปิดวันจันทร์  พรุ่งนี้วันจันทร์ปิดนี่หว่าไวทันใดขอให้คุณลุงเลี้ยวเข้าไปทั้นที4 ปีที่แล้วเคยมาเดินดูอยากรู้ว่าจะเปลี่ยนแปลงไปแค่ไหน

ค่าเข้า20 บาทบริเวณชั้น1 ถ่ายรูปได้หมด

ด้านหน้าที่รูปปั้นไว้สำหรับสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคล

อาคารทั้งหมดเป็นไม้น่าจะไม้สักทองเหมือนที่วิมานเมฆ

 

ป้ายด้านล่างจัดแสดงนิทรรศการป้ายและเครื่องทอผ้า

 

 

ถ้าใส่กางเกงขาสั้นมาต้องเปลี่ยนใส่ผ้าถุงก่อน

ขึ้นชั้นบนต้องถอดรองเท้าและห้ามถ่ายรูปเล่าให้ฟังคร่าวๆแล้วกันพระตำหนักแห่งนี้เนี่ยเป็นที่พักของเจ้าดาราภิรมย์มเหสีในรัชกาลที่5 เป็นเจ้านางจากเมืองเหนือที่มีความสามารถมากๆเลยที่เดียว

ชั้นบนก็แบ่งเป็นห้องต่างๆห้องบรรทมห้องสรงน้ำห้องอาหารมีเปียโน2 หลังแน่และห้องที่เราชอบคือห้องที่โชว์ผ้าอายุเป็นร้อยๆปีชอบส่วนตัวเวลาเห็นเลยปลื้มมากกก

กลับออกมาคุณลุงก็พามาส่งที่พักพร้อมให้เบอร์โทรไว้ถ้าจะไปเที่ยวลุงจะมารับ

เช็คอินที่พักเสร็จลงแช่น้ำคลายร้อน

ขึ้นจากน้ำก็เดินสำรวจโรงแรมก่อนลงจากรถคุณลุงบอกว่าเมื่อก่อนเนี้ยเป็นบ้านของฝรั่งสงสัยจะขายมาทำโรงแรม

วิวจากหน้าห้อง

 

สำรวจเจอห้องพักอันหนึ่งสวยเลอค่าน่านอนแต่มีลูกค้าจองแล้วยังไม่มาเลยขอสำรวจนิดนึง

 

หน้าห้องเป็นธารน้ำ  มีอ่างอาบน้ำอยู่กลางห้องเหมือนที่บาหลีเลยนี่มันห้องคู่รักชัดๆมันคงไม่เหมาะกับคนมาเดี่ยวเช่นเรา

 

นั่งเล่นนอนเล่นอ่านหนังสือข้างฝอไปเถอะเธอออ

 

เสียงแมลงกับเสียงน้ำตีกันระงมไม่เห็นจะเหงาเลยปลอบใจตัวเองไป

นั่งเล่นจนมืดสั่งอาหารโรงแรมมาทานรสชาติใช้ได้

 

คิดถึงพรุ่งนี้ไปไหนดีน้ออออ….

เช้ามารีบตื่น 7 โมงกว่าๆเพราะเมื่อวานเห็นจักรยานจอดอยู่หลายคันวันนี้ไปซิ่งดีกว่า

ลงไปพนักงานก็ถามก่อนเลยว่ากินข้าวเช้ามั้ยรับสิคร๊าบของฟรีกินรองท้องไปก่อน

จักรยานมีให้ยืมแต่ต้องแบกขึ้นแบกลงมาเก็บเองนะคะ

 

ปั่นจักรยานไปเรื่อยๆทุ่งนาป่าเขา

 

ที่นี่มีลำธารไหลรอบๆหมู่บ้านทำให้ที่นี่อากาศเย็นสบาย

ปั่นไปไม่รู้เหนือรู้ใต้เห็นป้ายบอกอะไรก็ไปเจอวัดก็เข้าไปไหว้

เจอหมาก็ให้ขนม (ให้อย่างเดียวไม่กล้าถ่ายกลัวมันจะกัดเอา)

เจอป้ายบอกว่าไปบ้านดินกินดีก็ปั่นไปเอิ่มอีกไกลมั้ยถามตัวเองเพราะพอเริ่มสายแดดเริ่มร้อน

คนตามป้ายมาคนคิดเหมือนเราแต่พอเราไปถึงคนที่บ้านดินคิดแปลกกว่าเรา

คำแรกที่ทักด้วยสีหน้าตกใจคือ

เค้า :  “เดินมาเหรอคะ”

เรา  :  “ป่าวค่ะปั่นจักรยานมาแต่ก็ไม่ทั้งหมดค่ะพอเนินตรงนั้นก็จูงมันขึ้นมาค่ะ”

เค้า  :  “อ่อ…ถึงว่าไม่ได้ยินเสียงรถยนต์เดินมาคงเหนื่อยแย่เลย”

เรา  : “ปั่นมาก็เหนื่อยค่ะ”

ต่างคนก็ต่างหัวเราะสภาพอันนาเวทนาของเราเหงื่อซกหน้าเยินหัวเปียก

นั่งพักตากลมสั่งอาหารเบาๆมากินเล่นเสียพลังงานไปเยอะ

มักกะโรนีกับสลัดผักดูสุขภาพดีนะ

 

ระหว่างรอก็ขออนุญาตเดินอนุญาตเดินเล่นชมวิวดูงานศิลป์

 

 

ทางเดินพี่เต่า

 

บ้านดินมีหลายหลังเหมือนกัน

 

ม่อนแจ่มอยู่ไม่ไกล

อากาศดีดอกไม้สวยงามมาก

มีนาข้าวเป็นวิวอยู่อยู่ด้านหลังเห็นไปจนริบๆ

 

อ่อขอบอกว่าที่นี่ปลูกผักเองนะอาจจะไม่สวยงามแต่กินดีสมชื่อ

มักกะโรนีกับสลัดกินดีอร่อยมากเลย

ที่จริงอยากสั่งอีกหลายอย่างแต่กลัวกินไม่หมด

ได้เวลากล่าวลาเจ้าของร้าน เพราะมีนัดกับรถที่โรงแรมว่าจะขึ้นม่อนแจ่ม ตอนเที่ยงๆ

ถึงแล้วม่อนแจ่มในตำนานมาแม่ริมไม่ขึ้นมาถือว่าเชย

ทางก็ลดคดเคี้ยวใช้ได้เลยทีเดียว

วิวสวย  อากาศดี  ม่อนในภาษาเหนือหมายถึงเนินเขา  หรือยอดเขา

 

ที่นี่มีนางแบบนายแบบในชุดจัดต็มอยู่เป็นสิบ

ถ่ายไกลๆก็ได้ไม่เสียเงิน

 

 

มาลิ้มลองอาหารของขึ้นขื่อของที่นี่ที่ดังไม่แพ้บรรยากาศเลย

คะน้าน้ำมันหอย

ตับกระเทียม

เมี่ยงม่อนแจ่ม

อิ่มพุงกาง  นั่งชมวิวอากาศดีๆ

เดินออกมาทางลานจอดรถ จะมีรถไม้ลงเนินให้เล่น เห็นแล้วเสียวไม่เสี่ยงดีฝ่า ตั้งแต่มายังไม่เห็นโรงพยาบาลเลย

เอาเป็นว่าช๊อปปิ้งสบายๆดีฝ่านะ

จบทริปหมดเวลาตีตั๋วกลับไปทำงานคราวหน้าเจอกันใหม่

ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก  clubaroy