หลังเลิกงานยังไม่อยากกลับบ้าน อยากคุยงานต่อ หรือหาสถานที่พบปะลูกค้า วันนี้มาติดตาม 9 ร้านเปิดใหม่ใจกลางกรุงฯ ที่น่าไป ทันสมัย และชวนจินตนาการมาก มาให้เลือกไปเสพกาแฟ เสพบรรยากาศการทำงานนอกสถานที่กันเลยคร้า
80/20
80/20 คือร้านอาหารร้านใหม่ที่กำลังมาเเรงในย่านศิลปะเเละวัฒนธรรมเเห่งใหม่อย่างเจริญกรุง โดยมีอาหารที่มีส่วนผสมของความเป็นไทยจากคนรุ่นใหม่มากความสามารถ มาพร้อมปรัชญาความเป็นท้องถิ่นเเละการนำเสนออาหารสไตล์ใหม่ที่พร้อมช่วยผลักดันการฟื้นคืนของชุมชนย่านนี้ ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่อยากลองความเเปลกใหม่ เรารับรองเลยว่าคุณจะหลงรักย่านเจริญกรุงและอาหารที่ไม่ได้หยุดอยู่เเค่ Egg Benedict เป็นแน่
ทีมงานผู้อยู่เบื้องหลังร้านนี้คือสามีภรรยาสองคู่ คุณธนาวุฒิ โกศลวงศ์ ผู้ที่เคยบริหารร้าน Rocket x Siwilai ส่วนคุณณัฐา เตชเมธากุล ทำด้านดีไซน์เเละคอนเซปต์ อีกคู่คือคู่เชฟมากประสบการณ์ เชฟหนุ่มคุณณพล จันทรเกตุ เเละเพสทรีเชฟ คุณซากิ โฮชิโน่ ซึ่งงทั้งสองได้ใช้ชีวิตเเละทำงานอยู่ที่ประเทศเเเคนาดาเป็นเวลาหลายปี ทุกคนสร้างร้านขึ้นบนคอนเซปต์ของตัวเลข 80/20 นั่นก็คือทุก ๆ อย่างในร้านจะคงสัดส่วน 80:20 อย่างการตกเเต่งร้านในบรรยากาศเท่ ๆ ดิบ ๆ ด้วยสีดำเเละเทา กึ่งโปร่งเเละการใช้เฟอร์นิเจอร์สีน้ำตาลเข้มสลับกับเก้าอี้ใส ทำให้มีกลิ่นอายอินดัสเทรียล ผสมผสานเหล็กดัดสายไทย เเละของกระจุกกระจิกของไทยทั้งหลาย
อาหารเเต่ละจานถูกคิดขึ้นมาอย่างละเอียด เปี่ยมไปด้วยรสชาติเเฝงของอาหารไทยเเละความเป็นนานาชาติอยู่ในทุก ๆ จาน ด้วยวัตถุดิบสด ๆ จากตลาดสดในย่านนั้น ทำให้ทุก ๆ วัน รายละเอียดของเเต่ละเมนูนั้นจะเปลี่ยนไปตามวัตถุในตลาดหรือตามของที่เพื่อนบ้านใกล้เคียงมี ซึ่งก่อนที่จะเริ่มทานอาหาร อย่าลืมสั่ง Daily Bread with Garlic Butter (100 บาท) อร่อย ๆ มารองท้อง ก่อนที่จะเริ่มด้วยจานที่ดูสดชื่นหลากสีอย่าง F*ck & Flower (240 บาท) รวมฟักทองในหลาย ๆ รูปเเบบพร้อมบวบเเละซอสโยเกิร์ตมะนาว
แล้วตามด้วย Cast Iron Pork Tenderloin (280 บาท) เนื้อหมูหนานุ่มเเบบเน้น ๆ เสิร์ฟมาพร้อมกับ Jus ใบกะเพรา เเละข้าวที่หุงมาอย่างดี โดยส่วนมากอาหารที่นี่จะเน้นสำหรับเเบ่งกันทาน เเต่ขนมอย่าง White Chocolate Cheese Cake with Fruit Salsa (220 บาท) ของเชฟซากิที่อาจจะทำให้หลาย ๆ คนไม่อยากเเบ่งให้ใครเลยทีเดียว
บาร์ของที่นี่ก็คึกคัก สนุกสนาน ไม่แพ้ค็อกเทลที่ใส่ความเป็นไทยลงไปได้อย่างมีคาแรกเตอร์ แต่ละแก้วมีรสชาติที่ชัดเจน ด้วยการใช้ผัก ผลไม้ สมุนไพร เเละเครื่องเทศ มาเป็นส่วนผสม อยากให้ลองชิม Penny Worth Colada (280 บาท) ค็อกเทลดื่มง่าย ๆ รสชาติเหมือนดื่มน้ำปั่นเพื่อสุขภาพ ใส่น้ำเชื่อมใบเตย สับปะรด น้ำมะพร้าวสดจากเพื่อนบ้าน ใบบัวบก และ Chalong Bay เพิ่มความมีชีวิตชีวาได้ หรือถามหา Thai Tea (170 บาท) เป็น Long Island Iced Tea รสชาติดี อร่อยแบบไทย ๆ
รายละเอียดร้าน: http://www.ipick.com/bangkok/th/restaurant/30007140
Brekkie
ร้านอาหารน้องใหม่ในซอยสุขุมวิท 39 แห่งนี้เกิดขึ้นจากความตั้งใจของคุณเบสท์ เจ้าของร้าน ที่จะให้ร้าน Brekkie นำเสนออาหารเพื่อสุขภาพจากซุปเปอร์ฟู้ดที่ทานง่าย รสชาติดีและสามารถทานได้ทุกวัน ใครที่เริ่มเบื่อร้านอาหารญี่ปุ่นเดิม ๆ อยากให้ลองเปลี่ยนบรรยากาศมาทานมื้อเพื่อสุขภาพกันดูสักครั้ง รับรองว่าต้องติดใจแน่นอน ตัวร้านเป็นตึกสามชั้นสีขาวพร้อมกับบรรยากาศที่อบอุ่น หน้าร้านเป็นสนามหญ้าเล็ก ๆ ก่อนจะเดินเข้าไปด้านในที่ต้อนรับด้วยโต๊ะสูงติดริมหน้าต่างและชั้นวางเล็ก ๆ ที่โชว์บรรดาซุปเปอร์ฟู้ดหลากหลายชนิดให้ได้เลือกซื้อกัน ส่วนโซนสำหรับนั่งทานอาหารจะอยู่ที่ชั้น 2 ซึ่งมีห้องส่วนตัวติดกระจกบานใหญ่เปิดรับแสงธรรมชาติให้ส่องเข้ามาเพิ่มทั้งแสงสว่างและทำให้รู้สึกโปร่งสบาย
ทีมงานเน้นการปรุงรสชาติจัดจ้านแบบไทย ๆ ให้ได้ทานกัน นอกจากซุปเปอร์ฟู้ดออแกร์นิกคุณภาพดีจากแบรนด์ Organik ประเทศออสเตรเลีย ทางร้านยังเลือกใช้วัตถุดิบออร์แกนิกสดใหม่แม้กระทั่งกาแฟ และได้เลือกใช้ส่วนผสมเพื่อสุขภาพอย่าง กะทิและน้ำมันรำข้าวสำหรับจานผัดและทอด
โดยมีจานบรั๊นช์น่าลอง อย่าง Fluffy Whole Wheat Pancakes (200 บาท) เสิร์ฟพร้อมไอศกรีมช็อกโกแลตแคลอรี่ต่ำ และ Skinny Royale (260 บาท) หรือจาน Eggs Benedict ที่ใช้ไข่ปลอดสารพิษจากไก่ที่โตตามธรรมชาติ ขนมปังข้าวไรย์ แซลมอนรมควัน มัสตาร์ด โยเกิร์ต และซอสฮอลลันเดสจากน้ำผึ้ง นอกจากเมนูบรั๊นช์ ยังมีเมนูอาหารจากควินัวและซุปเปอร์ฟู้ดหาทานยากอย่าง Acai หรือขอแนะนำให้ลองสั่งสองจานนี้ คือ Fried Quinoa Tomyam (285 บาท) ควินัวผัดต้มยำ ใส่แซลมอนหั่นลูกเต๋า หน่อไม้ แล้วเพิ่มรสชาติกลมกล่อมด้วยรสเปรี้ยวจากเลม่อนผ่าซีก พร้อมท็อปด้วยไข่ดาวที่ไข่แดงเยิ้ม ๆ และ Fried Quinoa ควินัวผัดกระเพราหัวไหล่หมู (280 บาท) หรืออีกจานที่น่าประทับใจไม่แพ้กัน อย่าง Pan-fried Salmon (380 บาท) เป็นสลัดควีนัวรสอ่อน ๆ ท็อปด้วยแซลมอนและซอสแก่นตะวันบีทรูท เป็นอีกจานที่คนทานได้รับประโยชน์กันเต็ม ๆ
เสร็จจากการทานของคาวแล้ว อย่าลืมสั่ง Mean Green Spirulina Bowl (250 บาท) เป็นสมูทตี้สีเขียวที่รับรองได้ว่าทานง่ายมาก แม้มีทั้งสาหร่ายสไปรูลิน่า น้ำผึ้งป่า เสาวรส และนมอัลมอนด์ ท็อปด้วยกราโนล่าข้าวโอ๊ตอัลมอนด์ที่ทางร้านทำขึ้นมาเองมาปิดท้ายมื้ออาหารของคุณ
ส่วนเครื่องดื่มต้องมีดริ๊งก์สุขภาพอย่างน้ำผลไม้สกัดเย็นเป็นเครื่องดื่มประจำร้าน มีทั้งหมด 8 รสชาติ อาทิ Red Roots (79 บาท) ที่มีบีทรูท แครอท แอปเปิ้ลและมะนาว Beta Bomb (79 บาท) มีแคนตาลูป แครอท แอปเปิ้ลและขมิ้น Keep Kool (79 บาท) ที่มีแตงกวา ฝรั่งและสับปะรดให้เลือกดื่มกันตามใจชอบ หลังจากอิ่มอร่อยกันแล้ว ก่อนกลับบ้านก็อย่าพลาดที่จะเลือกซื้อซุปเปอร์ฟู้ดติดไม้ติดมือกลับไปลองทำทานที่บ้านกันด้วย
รายละเอียดร้าน: http://www.ipick.com/bangkok/th/restaurant/30009216
Hunts
ทองหล่อยังคงเป็นย่านแห่งการใช้ชีวิตแบบไนท์ไลฟ์และร้านอาหารบรั๊นช์ การเปิดตัวของร้าน Hunts จึงนับเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นด้วยรสชาติและบรรยากาศแบบนิวยอร์กมาไว้ยังกลางทองหล่อ โดยคุณภราวุฒน์ เขมรธนพัฒน์ และคุณภัทร หาญเลี้ยงวงษ์ ได้รับแรงบันดาลใจจากบรู๊คลิน ซึ่งเป็นรอยต่อระหว่างความเก่ากับใหม่ของอเมริกา
การตกแต่งร้านเป็นแนวลอฟท์ที่เรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยรายละเอียดที่ซ่อนอยู่ อย่างเช่น คำพูดของธีโอดอร์ รูสเวลท์ สติกเกอร์ Yelp และของจากคอลเลคชั่นส่วนตัวอย่างหนังสือและของหายากวางอยู่ตามชั้นต่าง ๆ และจะเปลี่ยนไปตามฤดูกาลหรือเทรนด์ในช่วงนั้น ๆ “เราเป็นนักล่าที่ตามหาของที่ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นของสะสมหรือวัตถุดิบชั้นเลิศ ตามชื่อของร้าน Hunts นั่นเอง” คุณภราวุฒน์ กล่าว ครัวของที่นี่ดูแลโดยเชฟ กิตติภัฐ โชติพินทุ ผู้ที่เคยทำงานอยู่ในร้านดัง 22 Kitchen and Bar ในกรุงเทพฯ ลอสแองเจลิส และนิวออร์ลีนส์ ทำให้เชฟได้นำความไร้พรมแดนของอเมริกาและความหลากหลายทางเชื้อชาติและอาหารมาสร้างสรรค์เมนูที่แม้จะมีความหลากหลายแต่ลงตัว สวยงาม และมีเสน่ห์
มีจานแนะนำอย่าง Quinoa Bowl (280 บาท) จานเฮลท์ตี้ซึ่งมีการนำบิบิมบับของเกาหลีเข้ามาผสมได้อย่างลงตัว หรือลอง Golden Afro (150 บาท) ซึ่งเชฟได้ย่างดอกกะหล่ำเป็นสีทองมาในซอส Bechemel และชีส ส่วนจานสำหรับแบ่งกันทาน เราแนะนำ Sa-Bai-Dee Beef Stew (380 บาท) สตูว์เนื้อรสเข้มข้นและนุ่มละมุนที่มากับมันบดเนื้อเบา และ Too Young to Die (420 บาท) ที่ใช้ลูกปลากะพงเนื้อแน่นฉ่ำ เสิร์ฟพร้อม Gnocchi หน่อไม้ฝรั่งย่าง และซอสต้นกระเทียมกับมะนาว
“เราแทบจะทำทุกอย่างกันเองทั้งหมด และตั้งใจที่จะให้ทุกอย่างภายในครัวของที่นี่มาจากวัตถุดิบดี ๆ จากตลาดสดในท้องถิ่น ผมคิดว่ามันคือวิธีการนำเสนออาหารดี ๆ ได้อย่างตรงไปตรงมาและจริงใจที่สุด” เชฟกิตติภัฐกล่าว
บาร์ของที่นี่จะมีเหล้าชนิดต่าง ๆ ที่หลายคนจะไม่ได้เห็นตามบาร์ทั่วไป ไม่ว่าจะเป็น อาร์มายัค วิสกี้ขาว หรือ จินคราฟท์ ทำให้ค็อกเทลของที่นี่มีรสชาติน่าสนใจไม่น้อย ลองถามหา Coco Current (380 บาท) ค็อกเทลจินพร้อมรสช็อกโกแลตและราสป์เบอร์รี่เข้มข้น หรือ Shin Shi Shu (380 บาท) ซึ่งคล้ายกับ Boulevardier แต่สดชื่นและเปรี้ยวมากขึ้นจากการใช้มะนาว
รายละเอียดร้าน: http://www.ipick.com/bangkok/th/restaurant/30009219
Pizza Massilia
หลังประสบความสำเร็จจากการเป็นฟู้ดทรักในซอยศาลาเเดงได้ไม่นาน เชฟ Luca Apino และนักธุรกิจร้านอาหาร คุณ Frederic Meyer ก็ได้ขยับขยายสาขามาเปิดขึ้นใหม่อย่างเป็นทางการในซอยร่วมฤดีพร้อมพิซซ่าอบใหม่ร้อน ๆ จากเตาถ่าน ที่ทำให้เเฟน ๆ อาหารอิตาเลียนหลายคนติดใจกันไปหลายราย เพียงเข้ามาในร้านก็พอจะเดาได้ไม่ยากว่า Pizza Massilia สาขานี้ได้ก้าวมาเป็นร้านอาหารเเบบเต็มตัว ห้องโถงกว้างตกเเต่งสไตล์ยุโรปปนกรีกด้วยรูปปั้น นาฬิกาโบราณ โต๊ะไม้สูง เเละงานศิลปะอีกหลายชิ้นที่อยู่รอบ ๆ ร้าน ส่วนที่นั่งด้านนอกก็จะดูสบาย ๆ และยังสามารถเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศภายในซอยแห่งนี้อีกด้วย
สำหรับอาหารของที่นี่ เชฟ Flavio Argenio ไม่ได้เน้นภาคใดภาคหนึ่งของอิตาลีเป็นพิเศษ แต่จะนำเสนอเมนูอาหารจานเด่นของแต่ละเมืองและภูมิภาคในอิตาลี พร้อมบางจานที่มีกลิ่นอายทางตอนใต้ของฝรั่งเศส อย่างเช่น Octopus Carpaccio (390 บาท) เนื้อหมึกบางเฉียบแต่เนื้อแน่นและรสชาติเข้มข้น Mediterranean Fresh Seabass en Papillote (990 บาท) ที่ถูกอบมาอย่างดี หรือ Traditional Canneloni (390 บาท) แป้งห่อชีสริคอตต้าและผักโขม แต่สิ่งที่ไม่ควรพลาดคือ พิซซ่า ที่อบด้วยเตาอบและฟืนที่ส่งตรงมาจากเมืองเนเปิลส์ ตัวแป้งพิซซ่าของที่นี่ยังใช้ยีสต์ธรรมชาติและส่วนผสมเฉพาะที่ทำให้แป้งกรอบสไตล์โรมและนุ่มฟูสไตล์เนเปิลส์ ท็อปปิ้งแนะนำ ได้แก่ Burrata & Culatello (590 บาท) Carpaccio Beef (390 บาท) หรือจะลองหน้าหอยเม่นกับซอสมะเขือเทศเหลือง (690 บาท) ก่อนปิดท้ายด้วยขนมสุดน่าประทับใจ Le Baba (290 บาท) และ Citron Givre (290 บาท)
แน่นอนว่าไวน์เป็นตัวเลือกหลักสำหรับเครื่องดื่มของที่นี่ ซึ่งไวน์ส่วนมากจะนำเข้ามาจากอิตาลี แต่ใครที่อยากดื่มไม่หนักมาก แนะนำเป็นค็อกเทลอย่าง Bizu Bizu (220 บาท) มีรสหวานสดชื่นหอมกลิ่นโรสแมรี่ หรือ Lemon Negroni (290 บาท) ที่ยังคงกลิ่นหอมสมุนไพรของ Campari แต่มีรสเปรี้ยวนำ ทำให้ทานได้ง่ายขึ้น แฟน ๆ ของร้าน เร็ว ๆ นี้ทางร้านจะเพิ่มเมนูอาหารกลางวัน และบริการส่งพิซซ่าถึงหน้าบ้านกันอีกด้วย
รายละเอียดร้าน: http://www.ipick.com/bangkok/th/restaurant/30009008
White Shuffle
หลังจากเปิดตัวร้านอาหารสไตล์อเมริกันไปเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ก็ได้เวลาที่ร้าน Shuffle แห่งคอมมิวนิตี้มอลล์ Rain Hill จะขยับขยายบ้านใหม่มายังห้างสรรพสินค้า Central Festival Eastville มาพร้อมกับพื้นที่กว้างขวางและบรรยากาศที่เรียบง่ายสบายตา ในชื่อร้านซอฟต์ ๆ ว่า White Shuffle บ้านหลังที่สองนี้มีหลายโซนให้เลือกนั่งกันตามใจชอบทั้งเอาท์ดอร์ให้นั่งทานบรั๊นช์พลางเพลิดเพลินไปกับความคึกคักของผู้คนและเหล่าน้องหมาที่เดินผ่านไปผ่านมา หรือจะเลือกนั่งภายในร้านที่ตกแต่งเป็นสไตล์ลอฟท์ เน้นการใช้สีขาว ทั้งบาร์เครื่องดื่มและโต๊ะริมหน้าต่างก็ใช้กระเบื้องสีขาว แถมยังมีอีกหนึ่งมุมเท่ ๆ เป็นโต๊ะใหญ่กลางร้านที่จะมีการเปิดโปรเจ็คเตอร์ฉายลงบนผนัง ทั้งภาพยนตร์และภาพสวย ๆ เท่ ๆ เพื่อเพิ่มสีสันให้กับร้าน ถัดมาเป็นส่วนของครัวร้อนและครัวเย็นที่เราสามารถเห็นเหล่าเชฟที่กำลังปรุงอาหารกันได้
เมนูอาหารของที่นี่ยังคงเน้นสไตล์อเมริกันคล้ายกับร้านเดิมที่ Rain Hill แต่ครั้งนี้ ทางร้านได้เพิ่มอาหารทานง่ายสไตล์คาเฟ่ที่เหมาะสำหรับเป็นบรั๊นช์ให้ทานกันได้ตลอดทั้งวัน และยังคงใช้วัตถุดิบคุณภาพ โดยเฉพาะผักและผลไม้สดตามฤดูกาลจากโครงการหลวง ซึ่งนอกจากจานขึ้นชื่อจากสาขาเดิมอย่าง One Good Burger (325 บาท) และ Quesadilla (195 บาท) ก็มีอีกหลายสิบจานใหม่ ๆ ให้ลิ้มรสกัน อาทิ French Toast (250 บาท) ที่ใช้ขนมปังบริโอชชุบไข่ทอดแบบไม่อมน้ำมัน มาพร้อมกับเบคอน ผลไม้สดรวม เมเปิ้ลไซรัป และครีมชีสผสมถั่วพีแคนแทนเนย ส่วนใครที่ไม่ถนัดจานที่เต็มไปด้วยแป้ง เราแนะนำให้สั่งจานโปรดของเรา Avocado Mash and Ricotta on Toast (250 บาท) ขนมปังมัลติเกรนที่ท็อปด้วยอโวคาโดบดเนื้อเนียนสัมผัสนุ่มและไข่ดาวน้ำเยิ้ม ๆ เพิ่มรสมันนิด ๆ ด้วยรีคอตต้าชีส จานนี้ทานได้อย่างไม่ต้องกลัวเลี่ยนเพราะใส่บีทรูทและเบอร์รี่สดเล็กน้อยให้ทานตัดรสเลี่ยนได้อย่างลงตัวทีเดียว ส่วนใครแวะมาทานมื้อเย็น ทางร้านมีจานหนัก ๆ อย่าง Pork Chop (450 บาท) สเต็กหมูชิ้นใหญ่เนื้อฉ่ำ เสิร์ฟพร้อมมันฝรั่งบด ซอสมัสตาร์ดและผักย่าง
สำหรับดริ๊งก์ลิสต์ของที่นี่มีทั้งเครื่องดื่มสุขภาพอย่างน้ำผลไม้สกัดเย็น แนะนำให้ลอง Cold Press No.2 (170 บาท) ที่มีส่วนผสมของเคพกูสเบอร์รี่ ส้ม และทับทิม หรือลอง Peach Perfection (160 บาท) สมูทตี้รสหวานเย็นชื่นใจที่มีลิ้นจี่ พีช มะม่วง ส้ม และมะนาว ส่วนใครที่อยากแวะมาหาอะไรจิบหลังมื้อเย็น ที่นี่มีทั้งเบียร์สดอย่าง La Trappe Witte, Brewdog Punk IPA, Brouwerij de Molen (เริ่มต้นที่แก้วละ 150 บาท) และเบียร์ขวด Asahi, Corona, Brothers Cider, Estrella Damm Inedit (เริ่มต้นที่ขวดละ 120 บาท) มากมายให้เลือกสั่งมานั่งจิบพร้อมสังสรรค์ไปกับเพื่อน
รายละเอียดร้าน: http://www.ipick.com/bangkok/th/restaurant/30009012