ถือว่าเป็นดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์มาตั้งแต่ครั้งโบราณกาล การเดินทางมากราบไว้สักการะองค์พระธาตุเจดีย์ที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ นอกจากจะได้รับอนิสงส์ผลบุญจากการกราบไหว้สักการะแล้ว ท่านยังได้ท่องเที่ยวในสถานที่ต่างๆ ของทั้ง 4 จังหวัด ซึ่งมีที่เที่ยวอื่นๆ อีกมากมายให้ได้เที่ยวชม
พระมหาธาตุแก่นนคร
วัดหนองแวง อ.เมือง จ.ขอนแก่น สร้างขึ้นในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี และมหามังคลานุสรณ์ 200 ปี แมืองขอนแก่น เป็นศิลปะแบบทวารวดีผสมผสานศิลปะอินโดจีนองค์พระธาตุ มี 9 ชั้น สูง 80 เมตร มีพระจุลธาตุ 4 มุม ล้อมรอบด้วยกำแพงแก้วพญานาค 7 เศียร ภายในรวบรวมคัมภีร์สำคัญทางพระพุทธศาสนา บานประตูและหน้าต่างแกะสลักเป็นภาพชาดก ภาพพระพุทธประวัติและรูปพรหม 16 ชั้น ชั้นบนสุดกลางบุษบกเป็นสถานที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ
อานิสงฆ์ที่ได้รับ : ก้าวหน้าเจริญรุ่งเรือง เปรียบดังบูชาองค์สัมมาสัมพุทธเจ้าบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
การเดินทาง
พระมหาธาตุแก่นนคร ตั้งอยู่ริมบึงแก่นนคร บริเวณใจกลางเมืองขอนแก่น
พระธาตุขามแก่น
วัดเจติยภูมิ อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น สร้างขึ้นประมาณต้นพุทธศตวรรษที่ 25 ตั้งอยู่ที่ตำบลบ้านขาม ตามประวัติกล่าวว่า โมริยกษัตริย์ เจ้าเมืองโมรีย์ ซึ่งเป็นเมืองอยู่ในอาณาเขตของประเทศกัมพูชา มีความประสงค์ที่จะนำพระอังคารของพระพุทธเจ้า มาบรรจุพระธาตุพนม จึงโปรดเกล้าให้พระอรหันต์และพระเถระเจ้าคณะรวม 9 องค์ นำขบวนอัญเชิญพระอังคารมาในครั้งนี้ เมื่อผ่านมาถึงดอนมะขามแห่งหนึ่ง ซึ่งมีต้นมะขามใหญ่ที่ตายแล้วเหลือแต่แก่น เนื่องจากเป็นเวลาพลบค่ำ และบริเวณนี้ภูมิประเทศราบเรียบดีจึงหยุดคณะพัก รุ่งเช้าจึงเดินทางต่อไปถึงภูกำพร้า ปรากฏว่าพระธาตุพนมได้สร้างเสร็จแล้ว จึงนำพระอังคารธาตุกลับ แต่เมื่อเดินทางผ่านดอนมะขามอีกครั้ง ปรากฏว่าแก่นมะขามที่ตายแล้วนั้น กลับมายืนต้นแตกกิ่งก้านผลิใบเขียมชอุ่มเป็นที่น่าอัศจรรย์ คณะอัญเชิญพระอังคารธาตุจึงพร้อมใจกัน สร้างเจดีย์ครอบต้นมะขามนี้ พร้อมกับนำพระอังคารธาตุและพระพุทธรูปบรรจุไว้ในองค์พระธาตุ และให้นามว่า พระธาตุขามแก่น มาจนทุกวันนี้
อานิสงส์ที่ได้รับ : เรื่องร้ายกลายเป็นดี ดุจดังแก่นขามตายแล้วฟื้น
การเดินทาง
ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 209 (ขอนแก่น-กาฬสินธุ์) ห่างจากตัวเมืองไปประมาณ 12 กิโลเมตร เมื่อข้ามลำน้ำพอง เลี้ยวซ้ายเข้าบ้านโคกสี ไปอีกประมาณ 14 กิโลเมตร หรืออีกเส้นทางหนึ่ง ไปตามถนนกสิกรทุ่งสร้าง-ค่ายศรีพัชรินทร์-บ้านโคกท่า ถึงสะพานข้ามแม่น้ำพอง เลี้ยวขวาจะเจอป้ายไปพระธาตุขามแก่น อีกประมาณ 10 กิโลเมตร
พระมหาเจดีย์ชัยมงคล
วัดผาน้ำทิพย์เทพประสิทธิ์วนาราม อ.หนองพอก จ.ร้อยเอ็ด พระเจดีย์ใหญ่สถาปัตยกรรมผสมผสานระหว่าง แบบองค์ปฐมเจดีย์ และพระธาตุพนม สูง 6 ชั้น ยอดฉัตรทองคำ มีความกว้าง ยาว สูง อย่างละ 101 เมตร รายล้อมด้วยเจดีย์องค์เล็ก 8 ทิศ สร้างในเนื้อที่ 101 ไร่ บนยอดภูเขาเขียว แนวเทือกเขาภูพาน สามารถมองเห็นทัศนียภาพอันสวยงาม
แต่ละชั้นของพระมหาเจดีย์ ถูกตกแต่งอย่างวิจิตรงดงาม ประดิษฐานรูปสลักหินทรายของพระคณาจารย์ ปราชญ์อีสานในอดีต และหุ่นรูปเหมือนพระสุปฏิปันโนในจำนวน 101 องค์ รวมทั้งเป็นพิพิธภัณฑสถาน ซึ่งเก็บรวบรวมอัฏฐะบริขารของหลวงปู่ศรีมหาวีโร ผู้ดำเนินการสร้างพระมหาเจดีย์อีกด้วย ชั้นบนสูงสุดเป็นสถานที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ รวมยอดทองคำเป็น 109 เมตร ใช้ทองคำหนักประมาณ 60 กิโลกรัม ภายในองค์พระมหาเจดีย์เหมือนอยู่บนวิมานแดนสวรรค์
อานิสงส์ที่ได้รับ : ท่วมม้นชัยชนะ ด้วยพระพุทธานุภาพแห่งองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า
การเดินทาง
ใช้เส้นทางสายร้อยเอ็ด-อำเภอโพนทอง-อำเภอหนองพอก ระยะทาง 82 กิโลเมตร จากตัวเมืองร้อยเอ็ด ตามทางหลวงหมายเลข 2044 และ 2136
พระธาตุยาคู
ตั้งอยู่ อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ เป็นเจดีย์ที่ใหญที่สุดในเมืองฟ้าแดดสงยาง ลักษณะเป็นเจดีย์ทรงแปดเหลี่ยมก่อด้วยอิฐ ปรากฏการก่อสร้าง 3 สมัย ด้วยกันคือ ส่วนฐานเป็นรูปสี่เหลี่ยมย่อมุม มีบันไดทางขึ้น 4 ทิศ มีปูนปั้นประดับสร้างในสมัยทวารวดี ถัดขึ้นมาเป็นฐานรูปแปดเหลี่ยมย่อมุมไม้สิบสอง ขนาดฐานกว้าง 10 เมตร ยาว 10 เมตร ซึ่งสร้างซ้อนทับบนฐานเดิมเป็นรูปแบบเจดีย์ในสมัยอยุธยา ส่วนองค์ระฆังและส่วนยอดสร้างในสมัยรัตนโกสินทร์ สร้างซ้อนกันเป็นลักษณะแบบจตุรมุขสูงจากฐานถึงยอด 15 เมตร รอบๆ องค์พระธาตุพบใบเสมาแกะสลักภาพนูนต่ำเรื่องราวพระพุทธประวัติ ชาวบ้านเชื่อกันว่า ในองค์พระธาตุบรรจุอัฐิของพระเถระผู้ใหญ่ ที่ชาวเมืองเคารพนับถือ (“ญาคู” ภาษาอีสานหมายถึง พระสงฆ์ผู้ใหญ่ในวัด)
เมื่อเมืองเชียงโสมชนะสงคราม ได้ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างในเมืองฟ้าแดด แต่ไม่ได้ทำลายพระธาตุยาคู จึงเป็นโบราณสถานที่ยังคงสภาพค่อนข้างสมบูรณ์ ชาวบ้านจะจัดให้มีงานประเพณีสรงน้ำพระธาตุยาคูเป็นประจำทุกปี ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 (ประมาณเดือนพฤษภาคม) เพื่อความร่มเย็นให้กับหมู่บ้าน
อานิสงส์ที่ได้รับ : ร่มเย็นเป็นสุข
การเดินทาง
ใช้เส้นทางหมายเลข 214 (กาฬสินธุ์-ร้อยเอ็ด) ระยะทาง 13 กิโลเมตร ถึงอำเภอกมลาไสย เลี้ยวขวาตามทางหลวงหมายเลข 2367 ระยะทาง 7 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวขวาเข้าซอยอีกประมาณ 400 เมตร
พระธาตุนาดูน
อ.นาดูน จ.มหาสารคาม พุทธมณฑลแห่งอีสาน เป็นเขตที่มีการขุดหลักฐานทางประวัติศาสตร์ โบราณคดีที่แสดงถึงความเจริญรุงเรืองในอดีต เพราะบริเวณนี้ได้เคยเป็นที่ตั้งของนครจำปาศรีมาก่อน โบราณวัตถุต่างๆ ที่ค้นพบได้นำไปแสดงไว้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติจังหวัดขอนแก่น และที่สำคัญยิ่งก็คือ การขุดพบสถูปบรรจุพระบรมสารีริกธาตุบรรจุในตลับทองคำ เงิน สำริด ซึ่งสันนิษฐานว่ามรอายุอยูในพุทธศตวรรษที่ 13-15 สมัยทวารวดี ต่อมาจึงได้สร้างพระธาตุนาดูนขึ้น ซึ่งจำลองแบบจากสถูปทองสำริดที่ขุดพบในเนื้อที่ 902 ไร่ โดยบริเวณรอบๆ จะมีพิพิธภัณฑ์ทางศาสนาและวัฒนธรรม สวนรุกขชาติ สวนสมุนไพร ซึ่งตกแต่งให้เป็นสถานที่สำคัญทางพุทธศาสนา
อนิสงส์ที่ได้รับ : เพิ่มพูนบารมี
การเดินทาง
ใช้เส้นทางหมายเลข 2040 ผ่านอำเภอแกดำ อำเภอวาปีปทุม แล้วเลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 2045 ถึงอำเภอนาดูน ทางลาดยางตลอด ห่างจากตัวเมืองประมาณ 65 กิโลเมตร
พระธาตุเชิงชุม
อ.เมือง จ.สกลนคร ตั้งอยู่ในวัดพระธาตุเชิงชุม ในเขตเทศบาลเมืองสกลนคร เป็นปูชนียสถานสำคัญคู่บ้านคู่เมืองสกลนคร มาแต่โบราณ มีซุ้มประตู 4 ด้าน สร้างครอบรอยพระพุทธเจ้า 4 พระองค์ คือ
1. พระพุทธเจ้ากกุสันธะ
2. พระพุทธเจ้าโกนาคม
3. พระพุทธเจ้ากัสสปะ
4. พระพุทธเจ้าโคตมะ
ภายในวิหารพระธาตุเชิงชุมเป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อพระองค์แสน พระพุทธรูปปางมารวิชัย เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวสกลนคร
อานิสงส์ที่ได้รับ : ความดีใจ ความปิติยินดี รับบุญกุศล เจริญในหน้าที่การงาน
การเดินทาง
อยู่ในเขตเทศบาลเมืองสกลนคร ทางไปสวนสมเด็จพระศรันครินทร์ (สระพังทอง)
พระธาตุพนม
อ.ธาตุพนม จ.นครพนม ประดิษฐาน ณ วัดพระธาตุพนม ตามตำนานกล่าวว่าผู้สร้าง คือ พระมหากัสสปะ พระอรหันต์ 500 องค์ แล้วท้าวพระยาเมืองต่างๆ ภายในองค์พระธาตุบรรจุพระอุรังคธาตุของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระธาตุพนมถือเป็นพระธาตุปีเกิดของคนเกิดปีวอก และเป็นพระธาตุประจำวันเกิดของผู้ที่เกิดวันอาทิตย์
อานิสงส์ที่ได้รับ : มีความเจริญรุ่งเรือง มีบุญบารมี และผู้คนเคารพนับถือ
การเดินทาง
ใช้เส้นทาง นครพนม-ธาตุพนม เส้นทางหมายเลข 212 ห่างจากจังหวัด ประมาณ 53 กิโลเมตร อยู่ในเขตเทศบาลตำบลธาตุพนม อ.ธาตุพนม จ.นครพนม
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก : travel.sanook.com ,http://travel.mthai.com/