โลกใต้น้ำมีสิ่งมหัศจรรย์ที่มนุษย์อยากค้นพบ ค้นหา ไปสัมผัสให้เห็นด้วยตา สิ่งสวยงามเหล่านั้นจะอยู่กับเราไปจนชั่วลูก ชั่วหลาน เราก็ต้องช่วยกันดูแลและรักษาให้คงอยู่ให้นาน ด้วย 10 การกระทำนี้
1.ไม่เหยียบหรือยืนบนปะการัง : ปะการังเป็นสิ่งมีชีวิตที่ใช้ระยะเวลายาวนานในการเติบโต อีกทั้งเป็นสัตว์ที่เปราะบาง การสัมผัสเพียงเล็กน้อยอาจทำให้ปะการังตายได้ การเหยียบหรือยืนบนปะการังนอกจากจะทำให้ปะการังแตกหักแล้วยังอาจทำให้นักดำน้ำบาดเจ็บ
2.ไม่เตะกวนตะกอนให้ฟุ้งกระจาย : ขณะที่ดำน้ำ การตีฟินส์ใกล้พื้นทรายจะกวนตะกอนเล็กๆ ให้ฟุ้งกระจายไปทับถมปะการัง ทำให้สาหร่ายที่อาศัยอยู่ในปะการังซึ่งทำหน้าที่สังเคราะห์แสงเพื่อสร้างอาหารและออกซิเจนให้กับปะการัง ทำงานได้ไม่สมบูรณ์ นอกจากนั้นแรงน้ำหรือตะกอนที่ถูกกวนยังทำให้สัตว์เล็กๆ ที่อาศัยอยู่ตามพท้นทรายเพื่อหลบภัย ถูกพัดขึ้นมาและเสี่ยงกับการถูกล่าจากสัตว์อื่น
3.ไม่ไล่ต้อนหรือจับสิ่งมีชีวิตทางทะเล : การไล่ต้อนทำให้สัตว์เกิดความเครียดและหวาดกลัว นอกจากนั้นการสัมผัสสัตว์โดยตรงอาจส่งผ่านเชื้อโรคไปสู่สัตว์ หรือทำให้สารเคลือบป้องกันผิวหลุดได้ เช่น ปลา สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังอื่นๆ นักดำน้ำไม่ควรไล่จับและพยายามเข้าใกล้มากจนเกินไป
4.ไม่ให้อาหารปลา : เพราะจะทำให้สัตว์พึ่งพาแต่อาหารจากนักท่องเที่ยว และทำให้สัตว์เกิดปฎิสัมพันธ์กับมนุษย์มากขึ้น ซึ่งอาจทำอันตรายให้กับทั้งสัตว์และมนุษย์เอง นอกจากนั้นเศษอาหารที่เหลือตกอยู่ในแนวปะการัง เป็นการเพิ่มธาตุอาหารในน้ำทะเล เร่งการเจริญเติบโตของสาหร่าย ซึ่งจะไปแย่งพื้นที่การลงเกาะของตัวอ่อนปะการัง และหากปลาเปลี่ยนพฤติกรรมไปกินอาหารจากมนุษย์ ก็จะลดการกินสาหร่ายตามธรรมชาติ ทำให้สาหร่ายเพิ่มมากขึ้น
5.ไม่ทิ้งขยะลงในทะเล : ขยะในทะเลทำให้เกิดปัญหามากมาย เช่น สัตว์หลายชนิดอย่างเต่า วาฬ หรือแม้กระทั่งนกกินปลาเข้าใจผิดคิดว่าพลาสติกเป็นอาหารและกินมันเข้าไป อีกทั้งสารพิษที่อยู่ในขยะปนเปื้อน หากลงสู่น้ำทะเลและเข้าสู่ระบบห่วงโซ่อาหาร ก็จะส่งผลร้ายกับมนุษย์ซึ่งเป็นผู้บริโภคขั้นสุดท้าย นอกจากนี้ขยะที่ถูกคลื่นซัดเข้าฝั่งก็ยังส่งผลกระทบต่อเราและต่อสภาพชายหาดและสิ่งมีชีวิตที่อาศัยบนชายหาดอีกด้วย
6.ไม่เก็บสะสมสิ่งใดๆ จากทะเล : การนำสิ่งมีชีวิตบางชนิดออกจากระบบนิเวศ ทำให้ความสมดุลทางธรรมชาติถูกรบกวน สิ่งมีชีวิตบางชนิดอาจขาดธาตุอาหารและส่วนประกอบบางอย่างที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโต แม้กระทั่งเปลือกหอยและซากปะการังบนชายหาด ก็มีส่วนสำคัญในการสร้างหาดทราย ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตหลายชนิด
7.ไม่ใส่ถุงมือขณะท่องเที่ยวดำน้ำ : การที่นักดำน้ำใส่ถุงมือเพื่อให้ตัวเองปลอดภัยจากการจับต้องสิ่งมีชีวิตในทะเล อาจเป็นการป้งกันที่ผิด เพราะนอกจากจะทำให้ปะการังมีโอกาสแตกหักง่ายขึ้น ยังทำให้นักดำน้ำอยู่ใกล้กับสิ่งมีชีวิตในแนวปะการังมากเกินควร ซึ่งสัตว์บางชนิดอาจเป็นอันตรายกับมนุษย์
8.ไม่ยิงปลาขณะท่องเที่ยวดำน้ำ : การยิงปลาเป็นการล่าสัตว์ใหญ่และสัตว์ที่เชื่องช้าในแนวปะการัง ซึ่งทำให้ความสมดุลในระบบนิเวศเปลี่ยนไป การยิงปลาอาจทำให้ปลาที่หนีรอดได้รับบาดเจ็บ ทรมาน และตายอย่างช้าๆ นอกจากนั้นนักดำน้ำและผู้ที่อยู่ใกล้เคียงอาจได้รับอันตรายจากอุปกรณ์ยิงปลาด้วย
9.ไม่ทิ้งสมอลงในแนวปะการัง : เพราะจะทำให้แนวปะการังเสียหาย เมื่อคลื่นลมเปลี่ยนทิศทางยิ่งทำความเสียหายมากขึ้น เพราะสมอปละโซ่ หรือเชื่อกที่ผูกกับสมอครูดไถไปบนแนวปะการัง จึงควรสำรวจใต้ท้องเรือก่อนทิ้งสมอ
10.ไม่สะสมปะการังและสิ่งมีชีวิตในทะเลเป็นของที่ระลึก : การสะสมของที่ระลึกจากทะเล จะทำให้จำนวนสิ่งมีชีวิตและสิ่งไม่มีชีวิตในทะเลสูญเสียไปจากระบบนิเวศ หากไม่มีผู้ซื้อก็จะไม่มีผู้ขาย จึงควรช่วยกันรักษาและเก็บสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ไว้ตามธรรมชาติ
คราวนี้ก็ทราบกันแล้วนะคะ ว่าเราจะอยู่กับสิ่งมหัศจรรย์ใต้น้ำเหล่านี้ไปอีกนานได้ยังไง ก็ช่วยกันปฎิบัติทำตาม รักษาให้สิ่งสวยงามแบบนี้ อยู่กับเราตลอดไปนะคะ
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก : http://travel.truelife.com/detail/3324379 , www.ktc.co.th , www.ilovetogo.com , www.phuket-holidaycenter.com