พูดถึงระนอง หลายคนคงนึกถึงบรรยากาศชุ่มฉ่ำของสายฝนและธรรมชาติสวยๆ ที่ชวนให้ไปเยือน แต่ที่ผ่านมาเมืองเล็กๆ ริมฝั่งทะเลอันดามันแห่งนี้ มักจะถูกมองข้ามจากนักเดินทางจำนวนไม่น้อย เนื่องจากใช้เวลาเดินทางค่อนข้างนาน
หรือถ้าจะไปเที่ยวก็ต้องตั้งใจไปจริงๆ เท่านั้น แต่เดี๋ยวนี้ใครจะไปเที่ยวระนอง ขอบอกเลยว่าไปง่ายและสะดวกมากๆ
เพราะล่าสุดสายการบินนกแอร์ เปิดให้บริการเส้นทางบินใหม่ล่าสุด กรุงเทพฯ(ดอนเมือง)-ระนอง ทุกวัน ด้วยเครื่องบินแบบ ซาร์ป 340 บี ที่เช่าเหมามาจากบริษัท สยาม เจนเนอรัล เอวิเอชั่น จำกัด (นกมินิ) ซึ่งรองรับที่นั่งได้มากถึง 34 ที่นั่ง และมั่นใจได้ในความปลอดภัย เนื่องจากเป็นเครื่องบินแบบใบพัดใช้บินพิสัยใกล้ที่ได้รับความนิยมทั้งในยุโรปและอเมริกา
สอบถามรายละเอียดได้ที่ โทร. 1318 หรือดูที่ www.nokair.com
การเดินทางโดยสายการบินนกแอร์ถึงเมืองระนอง ใช้เวลาบินลัดฟ้าเพียงชั่วโมงนิดๆ หมุดหมายแรกของการเดินทางที่น่าไปเช็คอิน ก็คือ การไปกินอาหารเช้าเติมพลังแบบชาวใต้ ที่ ร้านโรตีณริศรา บ้านหงาว
ทีเด็ดของร้านนี้อยู่ที่แป้งโรตีเหนียวนุ่ม หอมกลิ่นนมเนย ทอดด้วยไฟปานกลางจนได้โรตีเนื้อกรอบนอกนุ่มใน ราดนมข้นหวาน โรยน้ำตาลทราย หรือจิ้มกินกับมัสมั่นไก่ มัสหมั่นเนื้อก็อร่อย ส่วนใครชอบโรตีใส่ไข่ เขามีทั้งแบบตีไข่ทอดไปกับแป้ง และทอดเป็นไข่ดาวแยกต่างหาก ด้วย นอกจากนี้ยังมีไก่ทอด ข้าวยำปักษ์ใต้ และสลัดแขก กาแฟร้อน ชาร้อน หอมกรุ่น ให้เติมความอร่อยแบบไม่ยั้ง
เดินทางต่อไปเที่ยวชมศูนย์วิจัยป่าชายเลนระนอง ผืนป่าชายเลนที่มีความระบบนิเวศอุดมสมบูรณ์มากที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชียและได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโกประกาศให้เป็น “พื้นที่สงวนชีวมณฑล ระนอง” ใน พ.ศ. 2540 ซึ่งเป็นพื้นที่สงวนชีวมณฑลประเภทป่าชายเลนแห่งแรกของโลก และ เมื่อปี พ.ศ. 2547 ยังได้รับการวัลกินรีจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)ประเภทแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศดีเด่นเมื่อปี พ.ศ. 2547 อีกด้วย
ป่าชายเลนแห่งนี้มีพื้นที่กว้างใหญ่นับแสนไร่และมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติให้เลือกเดินเที่ยวกว่า 800เมตร หรือจะเลือกนั่งเรือชมความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าชายเลนก็ได้
จากนั้นมุ่งหน้าสู่ใจกลางเมืองระนอง ย่านเก่าแก่ที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ จุดแรกที่เราแวะไปคือพระราชวังรัตนรังสรรค์ (จำลอง) จัดสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์การเสด็จประทับแรมที่ จ. ระนอง ของพระมหากษัติริย์ 3 พระองค์ คือ รัชกาลที่ 5 รัชกาลที่ 6 และรัชกาลที่ 7 และความยิ่งใหญ่ของการที่พระมหากษัตริย์ถึงสามพระองค์เสด็จ ก็บอกถึงความสำคัญของเมืองระนองและความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างราชวงศ์จักรีกับเจ้าเมืองเป็นอย่างดี
ต่อมาเราแวะชม จวนเจ้าเมืองระนอง ที่บุตรชายคนที่ 2 ของท่านคอซู้เจียง สร้างเพื่อใช้เป็นที่พักของบิดา เมื่อครั้งท่านคอซู้เจียงว่าราชการเป็นเจ้าเมืองระนอง จวนหลังนี้เป็นเพียงอาคารหลังเล็ก สะท้อนถึงความสมถะของท่าน ปัจจุบันใช้เป็นศาลบรรพบุรุษของตระกูล ณ ระนอง สิ่งที่น่าสนใจที่จวนแห่งนี้ คือป้ายหน้าศาลบรรพรุษที่สวยงาม มีอักษรจีนฮกเกี้ยน เขียนว่า เกา-หยาง แปลว่า “ดวงตะวันอันสูงส่ง” ในป้ายยังมีคำจีนเขียนว่า บ้านนี้มากด้วยขุนนาง และบ้านนี้มากด้วยแก้วแหวนเงินทอง
ก่อนปิดท้ายทริปเที่ยวระนองวันแรกด้วยการไปชม บ่อน้ำร้อนพรรั้ง ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติน้ำตกหงาว บ้านพรรั้ง ต.บางริ้น อ.เมืองระนอง ห่างจากตัวเมืองราว 10 กม. ต้องเสียค่าธรรมเนียม ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท เพราะอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ และเพราะเหตุนี้จึงมีบรรยากาศร่มรื่นด้วยไม้ใหญ่ แหล่งนี้มีบ่อน้ำแร่ 3 บ่อ อุณหภูมิน้ำแร่ 54-55 องศาเซลเซียส และยังมีตาน้ำแร่ร้อนผุดขึ้นมาสบกับ ธารน้ำเย็นพรรั้งเกิดเป็นแอ่งน้ำอุ่น มีบ่อแช่น้ำแร่อย่างเป็นสัดส่วน สะอาดสะอ้าน ทั้งบ่อแช่เท้า บ่อแช่ตัว และห้องอาบน้ำกลางแจ้ง พร้อมห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ในบริเวณใกล้เคียงยังมีอาคารที่พักบริการด้วย
ระนองยังมีที่เที่ยวเด็ดๆ อีกมากมาย วันต่อมาเราเดินทางไปสักการะร่างกายทิพย์ของหลวงพ่อด่วน เกจิอาจารย์ชื่อดัง ณ วัดวารีบรรพต (วัดบางนอน) พร้อมลอดโลงขอพรตามความเชื่อ
จากนั้นเราเดินทางไปชมความงดงามของถ้ำพระขยางค์ ถ้ำเล็กๆ ที่อุดมสมบูรณ์ด้วยหินงอกหินย้อยและมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติป่าชายเลนให้เดินเล่นด้วย
มาถึงระนองแล้ว ขอแวะไปถ่ายรูปเป็นที่ระลึกตรงบริเวณคอคอดกระ ส่วนที่แคบที่สุดแห่งแหลมมาลายูกันสักหน่อย
จากคอคอดกระไม่ไกล เดินทางต่อไป ก้องวัลเลย์ อ. กระบุรี สถานที่ที่คอกาแฟห้ามพลาด คุณก้อง-สุพจน์ กรประสิทธิ์วัฒน์ เจ้าของร้านได้เปิดบ้านของตนเองเป็นร้านกาแฟ ที่พักและแหล่งเรียนรู้เรื่องการปลูกและคั่วกาแฟพันธุ์โรบัสตา เมล็ดกาแฟของที่นี่คัดสรรเมล็ดโดยใช้วิธีเดียวกับกาแฟอราบิกาที่ปลูกในภาคเหนือ และมีกรรมวิธีที่โดดเด่นคือ การคั่วกาแฟแบบอาหรับโบราณ โดยใช้ไม้อบเชย ซึ่งมีกลิ่นหอม คั่วเมล็ดกาแฟในกระทะเล็กๆ ทีละกระทะ และหากใครเป็นคอกาแฟ เมื่อได้ลองชิมสักแก้ว บอกได้คำเดียวว่า ฟินแน่นอน
เดินทางไกลๆ รู้สึกเมื่อยเมื่อยตัว เราเลยขอแวะไปพักผ่อนแบบชิลล์ๆ ที่แหล่งน้ำแร่ธรรมชาติใจกลางเมืองระนอง คือ ‘สวนสาธารณะรักษะวาริณ’ ที่อยู่ห่างจากเขตเทศบาลเมืองระนองประมาณ 2 กิโลเมตรและเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวเป็นอย่างดี
โดยเฉพาะชื่อสวนสาธารณะนามไพเราะ แห่งนี้ ได้รับพระราชทานนามจากสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชชนนี ครั้งเสด็จเยือนจังหวัดระนองเมื่อ พ.ศ. 2510 บ่อน้ำร้อนรักษะวาริน เป็นน้ำร้อนที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ มีอยู่ 3 บ่อ มีอุณหภูมิสูงประมาณ 60 องศาเซลเซียส ซึ่งได้รับการวิเคราะห์จากรมวิทยาศาสตร์บริการว่าประกอบด้วยแร่ธาตุสำคัญ อีกทั้งน้ำพุร้อนในจังหวัดระนองยังเป็นแหล่งเดียวในประเทศไทยที่ไม่มีสารกำมะถันเจือปนอยู่ จึงทำให้มีความบริสุทธิ์สามารถดื่มกินได้จากแหล่งกำเนิด โดยไม่ต้องผ่านการกลั่นกรองใดๆ ทั้งสิ้น
นอกจากนี้ บ่อน้ำร้อนรักษะวาริน ยังถือเป็นน้ำบริสุทธิ์จึงเป็นแหล่งหนึ่งที่นำไปทำพิธีพุทธาภิเษกทำน้ำศักดิ์สิทธิ์เพื่อใช้เป็นน้ำพระพุทธมนต์ในพระราชพิธีฉลองพระชนมพรรษา 5 รอบ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภายในบริเวณบ่อน้ำร้อนมีบริการอาบน้ำแร่บำบัดรักษาสุขภาพอีกด้วย หากเพื่อนๆ มีเวลาก็สามารถเดินทางไปพักผ่อนอาบน้ำแร่แช่ออนเซ็นให้ร่างกายสดชื่นแข็งแรงกันได้
ต้องยอมรับว่า ระนองเมืองเล็กๆ ริมฝั่งอันดามัน มีพร้อมทั้งแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมขาติ วัฒนธรรม และของกินสุดอร่อยๆ ไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยวมากมาย บอกได้เลยว่า ลองมาที่นี่สักครั้งแล้วคุณจะตกหลุมรักเมืองฝนแปดแดดสี่แห่งนี้อย่างแน่นอน
ขอขอบคุณข้อมูลจาก: นายรอบรู้