เกาะสีชัง เกาะใหญ่กลางทะเล จังหวัดชลบุรี
เกาะสีชัง นับว่าเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยเอง และชาวต่างชาติให้ความสนใจเดินทางไปพักผ่อนกันอย่างแพร่หลาย นั่นก็เป็นเพราะว่าบรรยากาศอันสุดแสนโรแมนติก มีวิวสวยๆ ให้ได้ถ่ายรูปเล่นอัพโหลดลงโซเชียลแสดงแสนยานุภาพว่าฉันมีความสุขมากที่ได้มาที่นี่
รวมถึงการเดินทางมาก็ง่ายแสนง่าย จะไปกลับ หรือค้างคืนก็ไม่มีปัญหา วันนี้ สนุก! ท่องเที่ยว จะพาไปทำความรู้จักกับ เกาะสีชัง กันอีกครั้ง เผื่อว่าใครมีแพลนท่องเที่ยวก็จะได้ตีตั๋วมาที่นี่แบบไม่ต้องคิดเลย
เกาะสีชัง
เกาะสีชัง หรือ อำเภอเกาะสีชัง จังหวัดชลบุรี เป็นเกาะใหญ่กลางทะเลที่มีสถานะเป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดชลบุรี ตั้งอยู่ห่างจากฝั่งศรีราชาประมาณ 12 กิโลเมตร เป็นสถานที่จอดพักเรือสินค้านานาชาติ อีกทั้งยังเป็นเกาะที่น่าท่องเที่ยวโดยให้ความรู้สึกแบบท้องถิ่น พื้นถิ่น นักท่องเที่ยวสามารถแวะมาท่องเที่ยวแบบไป-กลับวันเดียว หรือจะพักค้างคืนก็ได้ ซึ่งชาวบ้านที่อยู่บนเกาะนี้ก็ให้ข้อมูลมาเพิ่มเติมว่า ที่พักบนเกาะนี้ราคาเริ่มที่ 800 ขึ้นไป ต่อให้เป็นช่วงเทศกาล หรือไม่เทศกาล ราคาที่พักก็จะคงที่ไม่มีปรับขึ้นอย่างแน่นอน ชุมชนเกาะสีชัง ตั้งอยู่ทางด้านตะวันออกของเกาะ เป็นที่ตั้งของท่าเรือเทววงศ์ (ท่าล่าง) และเป็นจุดเริ่มต้นของการเดินด้วยรถสามล้อเครื่อง หรือสกายแล็ปไปยังจุดต่างๆ บนเกาะสีชัง เอาล่ะ เมื่อรู้จักกับเกาะสีชังกันเป็นอย่างดีแล้ว เราจะพาไปเที่ยวยังสถานที่สำคัญต่างๆ บนเกาะกัน ดูซิว่าจะมีอะไรน่าสนใจบ้าง
ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่
ตั้งอยู่บนเขาคยาศิระ ห่างจากท่าเรือเทววงศ์ไปทางเหนือของเกาะ เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวจีนทั้งในและต่างประเทศให้ความเคารพสักการะ ศาลเจ้ามีลักษณะเป็นอาคารใหญ่ทรงวิหารจีน รวมถึงภายในที่เป็นถ้ำได้ถูกดัดแปลงเป็นศาสนสถานที่ผสมผสานไปด้วยสถาปัตยกรรมแบบจีนและไทย เมื่อขึ้นไปบนศาลมองลงมาจากด้านบนจะสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์บ้านเรือด้านหน้าเกาะได้อย่างชัดเจน นอกจากที่นี่จะเป็นที่ประดิษฐานของเจ้าของเขาใหญ่แล้ว ยังเป็นที่ประดิษฐานของเจ้าพ่อเฮ่งเจีย เจ้าแม่กวนอิม พระสังกัจจาย โดยในช่วงตรุษจีนจะมีผู้คนเดินมาทางมาสักการะบวงสรวงอย่างเนืองแน่น ด้วยความเชื่อที่ว่าจะทำให้กิจการการค้าเจริญรุ่งเรือง อีกทั้งยังเชื่อว่าหากใครได้ไปกราบไหว้เจ้าพ่อเขาใหญ่ติดต่อกันเป็นเวลา 3 ปี จะได้โชคลาภอันวิเศษอีกด้วย
เจ้าพ่อเขาใหญ่ มีลักษณะเป็นรูปทรงหินที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติเมื่อหลายหมื่นปีที่ผ่านมา ซึ่งจากจารึกภาษาจีนโบราณที่ นายอุ้งเซ็ง แซ่อึ้ง ภาษาแต้จิ๋ว หรือ นายยุ่นเซิ้ง เซิ้นหวง ภาษาจีนกลาง ชาวอำเภอบุงเชียง จังหวัดไหหลำ เกาะไหหลำ ประเทศจีน เป็นผู้จารึกเอาไว้บนไม้สักเก่าแก่เมื่อราว ค.ศ. 1883 หรือ ปี พ.ศ. 2426 รวมอายุประมาณ 133 ปี และได้มีการเก็บรักษาจารึกนี้ไว้ที่ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ เกาะสีชัง โดยซินแสสูงอายุท่านหนึ่งที่เดินทางมาทำหน้าที่เป็นเสมียนจีนในเทศกาลไหว้เจ้าได้แปลความหมายเอาไว้ว่า ขณะที่จอดเรือทอดสมออยู่หน้าเกาะได้เห็นแสงไฟอยู่บนเขาจึงได้ปีนขึ้นไปดู พบรูปหินย้อยลักษณะเหมือนศีรษะคนตรงตามตำราจีนว่าเป็นเจ้าพ่อที่เกิดขึ้นเองจากธรรมชาติ อยู่ในถ้ำกลางทะเลและหันหน้าไปทางทิศตะวันออกซึ่งมีน้ำอยู่ ข้างหน้าตามที่ชาวจีนโบราณเชื่อถือกันว่า “เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มหัศจรรย์”
ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ โดยส่วนใหญ่ชาวจีนที่เดินเรือจะให้ความเคารพนับถือมาก เพราะทุกครั้งที่มีการเกิดอุบัติเหตุทางเรือ เรือรั่วน้ำเข้าเรือ ทุกคนก็จะบนบานกับเจ้าพ่อเขาใหญ่ให้ช่วยเพื่อมิให้เรือต้องอับปางกลางทะเล ปรากฏว่ามีแมงกะพรุนลอยมาปะที่รูรั่วทำให้น้ำหยุดไหลเข้าเรือทันที จนเมื่อเดินทางมาถึงเกาะสีชังก็จะนำเรือเข้าเกยตื้น จากนั้นก็จะทำการอุดรูรั่ว ด้วยความศักดิ์สิทธิ์นี้เองจึงทำให้เจ้าพ่อเขาใหญ่เป็นที่นับถือของผู้คนทั่วทุกสารทิศโดยเฉพาะคนจีนย่านเยาวราช ในทุกๆ ปีจะมีผู้คนเดินทางมาที่นี่เพื่อสักการะเป็นจำนวนมาก ซึ่งในแต่ละปีนั้นก็จะมีผู้ที่บนบานไว้นำลิเกมาเล่นถวายเป็นแรมเดือน เพราะสิ่งที่ได้บนบานเอาไว้เป็นไปได้จริงดังใจสมตามความปราถนา
มณฑปรอยพระพุทธบาท
ตั้งอยู่สูงขึ้นไปบนยอดเขาคยาศิระ ซึ่งเป็นยอดเขาเดียวกันกับศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ โดยรัชกาลที่ 5 ทรงอัญเชิญมาประดิษฐานไว้บนยอดเขาไปสำหรับให้ผู้คนขึ้นมาชมและสักการะรอยพระพุทธบาท ซึ่งด้านบนของยอดเขานั้นยังเป็นจุดชมวิวทิวทัศน์ทะเลได้โดยรอบอีกด้วย
ช่องเขาขาด
ช่องเขาขาด ตั้งอยู่ด้านหลังของเกาะ หากนั่งเรือผ่านจะเห็นเป็นช่องเขา ในบริเวณมีสะพานสำหรับเดินชมทิวทัศน์ สามารถชมพระอาทิตย์ตกได้สวยงาม มีหาดหินกลม ซึ่งเต็มไปด้วยหินกลม ๆ ขนาดต่าง ๆ มากมาย ในอดีตเคยเป็นที่ตั้งพลับพลาที่ประทับชมทิวทัศน์ของรัชกาลที่ 5
เป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวสุดฮิตบนเกาะสีชัง มีลักษณะเป็นช่องเขาที่ขาดออกจากกันสังเกตให้ได้จากการนั่งเรือผ่าน ตั้งอยู่ด้านหลังของเกาะ ในอดีตเคยเป็นที่ตั้งพลับพลาที่ประทับชมทิวทัศน์ในรัชกาลที่ 5 ซึ่งสามารถมองเห็นได้ทั้งเกาะ หน้าผา และทะเล อีกทั้งยังทรงใช้เป็นหอดูดาวอีกด้วย ในบริเวณเดียวกันจะมีสะพานปูนสีขาวทอดยาวไปตามหน้าผาลงไปถึงริมทะเลด้านล่าง สามารถลงไปเดินเล่นดื่มด่ำบรรยากาศสุดโรแมนติกได้ มีลมพัดเย็นสบาย นอกจากนั้นบริเวณนี้ยังมีแหลมวชิราวุธ หรือแหลมสลิดเป็นจุดชมวิวที่มีความสวยงาม ลักษณะคล้ายคลึงกับแหลมพรมเทพแต่มีขนาดเล็กกว่า เป็นอีกหนึ่งแหลมที่มีความสวยงาม ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวนิยมมาตกปลาที่นี่กันมาก เพราะบริเวณนี้เต็มไปด้วยโขดหินซึ่งเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของฝูงปลาหลายชนิด มีความสวยงาม อีกทั้งยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกดินในยามเย็นได้อีกด้วย ซึ่งในช่วงหน้าหนาวเราจะได้เห็นดวงอาทิตย์ตกน้ำที่มีดวงใหญ่โตเป็นพิเศษ
พระจุฑาธุชราชฐาน หรือพิพิธภัณฑ์พระจุฑาธุชราชฐาน
เป็นพระราชวังที่ตั้งอยู่บนเกาะแห่งเเดียวในประเทศไทย อยู่ห่างจากท่าเรือเทววงศ์ลงมาทางใต้ของเกาะ สร้างขึ้นในรัชกาลที่ 5 โดยเริ่มก่อสร้างเป็นอาคารที่พักหลังต่างๆ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2432 และใช้เป็นที่แปรพระราชฐานเพื่อประทับในฤดูร้อนของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รวมไปถึงพระราชวงศ์ โดยภายในมีสภาพภูมิทัศน์ที่งดงาม ด้านหน้าเป็นชายหาดท่าวัง ถัดขึ้นไปเป็นตึกวัฒนา พระตำหนักทรงปั้นหยา เรือนไม้ลวดลายขนมปังขิง ตึกผ่องศรีหรือศาลาแปดเหลี่ยม ตึกอภิรมย์ และวัดวัดอัษฎางค์นิมิตรบนยอดเขาซึ่งก่อสร้างแบบสถาปัตยกรรมไทยผสมตะวันตก จนมาถึงการเกิดกรณีพิพาทระหว่างไทยกับฝรั่งเศส (เหตุการณ์ รศ. 112) ได้มีกองทหารบุกขึ้นเกาะสีชังและปิดอ่าวไทย ทำให้การก่อสร้างพระที่นั่งและพระตำหนักต่างๆ ต้องยุติลง ต่อมาในปี พ.ศ. 2435 รัชกาลที่ 5 ได้โปรดให้รื้อถือการก่อสร้างพระราชวังที่ทำด้วยไม้สักไปก่อสร้างเป็นพระที่นั่งวิมานเมฆ กรุงเทพฯ แต่นั้นมาก็เป็นอันเลิกพระราชวังที่เกาะสีชัง นอกจากนี้ยังมีสิ่งก่อสร้างอื่น ๆ ได้แก่ สระน้ำ บ่อน้ำ สะพานท่าเทียบเรือ และประภาคาร
หาดถ้ำเขาพัง
ตั้งอยู่ทางด้านตะวันตกของเกาะ มีลักษณะเป็นชายหาดกว้าง สะอาดและมีความสวยงาม มีทรายเม็ดละเอียด น้ำใสเหมาะแก่การเล่นน้ำเป็นอย่างมาก
การเดินทางท่องเที่ยวบนเกาะนั้น เนื่องจากสถานที่ท่องเที่ยวบนเกาะสีชังตั้งอยู่ห่างกันพอสมควร บริเวณท่าเทียบเรือจะมีรถสามล้อ หรือสกายแล็ปให้เช่าเพื่อนั่งไปยังสถานที่เที่ยวต่างๆ บนเกาะ ใช้เวลาเพียงแค่ 1 ชั่วโมงเศษก็สามารถเที่ยวชมได้ทั้งหมด สำหรับค่าเช่ารถสามล้อจะคิดเป็นรอบ รอบละประมาณ 150 – 250 บาท ขึ้นอยู่กับระยะเวลาและระยะทาง หรือถ้าใครมากันเป็นหมู่คณะที่มีจำนวนมากๆ ก็สามารถเช่ารถสองแถวได้ โดยราคาคิดเป็นรอบเช่นกัน รอบละประมาณ 500 บาท
การเดินทางไปเกาะสีชัง
สำหรับการเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปเกาะสีชังนั้น สามารถขึ้นรถจากสถานีขนส่งเอกมัยมุ่งหน้าตรงไปที่ศรีราชา หรือจะขึ้นรถที่ท่ารถตู้อนุสาวรีย์ก็ได้เช่นเดียวกัน โดยลงรถที่หน้าห้างโรบินสันศรีราชา แล้วต่อรถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง หรือสามล้อเครื่องมายังท่าเรือเกาะลอยเพื่อทำการต่อเรือไปยังเกาะสีชัง ซึ่งจะมีเรือโดยสารมุ่งหน้าไปยังเกาะสีชังทุกวัน ตั้งแต่เวลา 7 โมงเช้า – 2 ทุ่ม จะออกทุกๆ 1 ชั่วโมง ใช้ระยะเวลาประมาณ 45 นาที ค่าโดยสารคนละ 50 บาท และเรือโดยสารจากเกาะสีชังมายังเกาะลอยฝั่งศรีราชาจะมีเรือโดยสารบริการ ตั้งแต่เวลา 6 โมงเช้า – 6 โมงเย็น สามารถโทรสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เรือสีชังพาเลซ โทร. 0-3821- 6276-82 หรือ เรือแสงประทีปบริการ โทร. 0-3831- 3687
คราวนี้เพื่อนๆ ก็ได้รู้จักกับ เกาะสีชัง กันเป็นอย่างดีแล้ว ยังไงหากมีเวลาว่าง หรือมีช่วงวันหยุดยาวก็เตรียมแพ็คกระเป๋า ชวนเพื่อน ออกเดินทางไปพักผ่อนหย่อนใจ ชมบรรยากาศดีๆ เล่นน้ำทะเลใสๆ กินอาหารทะเลริมทะเลอร่อยๆ กันได้เลย แล้วอย่าลืมเก็บภาพบรรยากาศสวยๆ กลับมาฝากกันด้วยนะ หรือใครที่ไหนเด็ดๆ เพิ่มเติมอีกก็ปักหมุดไว้เอามาแนะนำเพื่อนๆ ต่อได้เลย
ข้อมูลเพิ่มเติม Student.nu.ac.th, Kosichang.sadoodta.com, Chillpainai.com, Chula.ac.th
ขอบคุณภาพจาก boomchannel