สาวๆ คงเคยได้ยินกันมาบ้างว่า กินอันนี้คู่อันนั้นแล้วจะดี ห้ามกินอันนี้กับอันนั้นเพราะมันไม่ดี แล้วอย่างไหนจริงกันแน่ ขอเคลียร์ข้อสงสัยเหล่านี้ให้กระจ่างกันไปเลย
กล้วยกับเผือก
ห้ามกินคู่กันเพราะจะทำให้ท้องอืด
ฟันธง! มีส่วนจริงอยู่บ้าง เพราะกล้วยกับเผือกมีสิ่งที่เหมือนกันคือแป้งปริมาณมหาศาล เมื่อแป้งถูกหมักอยู่ในท้องก็จะเกิดแก๊สจึงทำให้เกิดอาการแน่นท้องได้
ส้มกับมะนาว
ห้ามกินคู่กันเพราะจะทำให้กระเพาะทะลุ
ฟันธง! อย่างมากก็แค่แสบหรือระคายท้องเพราะรสเปรี้ยวจัดเท่านั้น ไม่อย่างนั้นคนที่ชอบดื่มน้ำส้มผสมมะนาวคงกระเพาะรั่วไปหลายคนแล้ว
เหล้าขาวกับลูกพลับ
ห้ามกินด้วยกันเพราะจะทำให้เป็นพิษ
ฟันธง! เรื่องที่จะทำให้เกิดพิษนั้นไม่ต้องกังวลเลย เพราะลูกพลับมีเบต้าแคโรทีนสูงมากจึงช่วยบำรุงตับได้ แต่เหล้าขาวนั้นไม่ดีต่อตับอย่างแรง แม้จะไม่มีปัญหาเวลากินคู่กัน แต่ถ้าดื่มเหล้ามากๆ ละก็ อันตรายแน่นอน
ทุเรียนกับน้ำอัดลม
หากกินร่วมกันจะมีพิษร้ายกว่างูเห่าเสียอีก
ฟันธง! สองอย่างนี้ไม่ควรกินร่วมกันก็จริง แต่ก็ไม่ได้ร้ายแรงอย่างที่เปรียบเทียบ เนื่องจากทุเรียนมี “กำมะถัน” คือพวกสารประกอบซัลเฟอร์เยอะ ซึ่งทำให้ร้อนและอึดอัดท้องอยู่แล้ว เมื่อได้น้ำอัดลมเข้าไปอีกก็อาจยิ่งทำให้แน่น เหนื่อย และปวดท้องได้
กล้วย มะละกอ แตงโม
ห้ามกินด้วยกัน เพราะจะทำให้เป็นโรคเบาหวาน
ฟันธง! แม้ผลไม้พวกนี้จะมีค่าดัชนีน้ำตาลสูงเป็นอันดับต้นๆ ที่คนเป็นเบาหวานต้องระวัง เพราะอาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงได้ แต่ยังไม่ถึงขั้นทำให้คุณเป็นเบาหวานอย่างแน่นอน
น้ำผึ้งกับน้ำร้อน
น้ำผึ้งที่ชงด้วยน้ำร้อนจะเสียวิตามินไป
ฟันธง! แม้วิตามินบีและซีที่อยู่ในน้ำผึ้งจะทนความร้อนไม่ค่อยได้ แต่วิตามินพวกนี้ก็มีน้อยมากอยู่แล้ว หากสูญเสียไปก็ไม่ได้มีผลอะไรมากเท่าไหร่
ผักปวยเล้งกับเต้าหู้
ห้ามกินคู่กันเพราะจะทำให้เป็นนิ่วที่ไขสันหลัง
ฟันธง! จริงๆ แล้วโรคนิ่วในไขสันหลังไม่มีจริงด้วยซ้ำ และปวยเล้งเองก็เป็นผักที่ดีมาก มีโฟลิกสูง ส่วนเต้าหู้นั้น ถ้ากังวลว่าจะเป็นนิ่วก็ให้เลี่ยงเต้าหู้แข็ง เพราะแคลเซียมจะได้ไม่มากเกินไป
หัวไชเท้ากับผลไม้ทุกชนิด
ห้ามกินคู่กันเพราะจะทำให้เกิดคอพอก
ฟันธง! โรคคอพอกไม่ได้เป็นกันง่ายๆ หรอกนะ และการกินหัวไชเท้ากับผลไม้ก็ไม่มีปัญหาอะไรเลย แต่ผักที่ต้องระวังก็คือกะหล่ำปลีดิบเท่านั้นเอง
สุดท้ายแล้วการกินอาหารนั้น ไม่ได้จำกัดว่าต้องกินอะไรคู่กับอะไรถึงจะดีหรือไม่ดี แต่แค่เลือกกินให้เหมาะสมกับที่ร่างกายต้องการ นั่นล่ะ…ถึงจะเรียกว่าดีต่อสุขภาพของจริง!
ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพประกอบจาก:http:.lisaguru.com/