ท่องเที่ยวสไตล์พิศาลพาเที่ยวภูลมโล และชมมหัศจรรย์มอหินขาว สโตนเฮนจ์เมืองไทย

ภูลมโล แหล่งท่องเที่ยวน้องใหม่ของจังหวัดเลยกำลังมาแรง เป็นที่กล่าวถึงของนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการชมดอกซากุระ (นางพญาเสือโคร่ง)บานเป็นอย่างมาก ที่นี่ปลูกต้นนางพญาเสือโคร่งกว่า 1 แสนต้นบนเนื้อที่กว่า 1,000 ไร่ ปีนี้นับเป็นปีที่ 2 ที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชม
ท่องเที่ยวสไตล์พิศาลพาเที่ยวภูลมโล และชมมหัศจรรย์มอหินขาว สโตนเฮนจ์เมืองไทย

เดิมพื้นที่ตรงนี้เป็นพื้นที่ปลูกกะหล่ำปลีของชาวม้ง ต่อมาทางอุทยานฯ ต้องการให้ชาวม้งออกจากเขตพื้นที่ จึงได้ตกลงกับชาวม้งให้ปลูกต้นนางพญาเสือโคร่งสลับกับการปลูกกะหล่ำปลีเป็นเวลา 3 ปี และหลังจากนั้นชาวม้งต้องออกจากพื้นที่เป็นการแลกเปลี่ยน จนมาเมื่อปี พ.ศ. 2550 บนภูลมโลก็เต็มไปด้วยต้นนางพญาเสือโคร่งกว่า 1 แสนต้น บนพื้นที่ประมาณ 1,200ไร่

เราสามารถขึ้นไปดูดอกซากุระบานบนภูลมโลได้ 2 ทาง คือขึ้นทางจังหวัดเลยที่ตำบลกกสะทอน ทางขึ้นนี้ค่อนข้างไกลประมาณ 27 กิโลเมตร และค่าเหมารถกระบะขึ้นไปภูลมโลก็ประมาณ 1,500-2,000บาท ส่วนทางขึ้นอีกทางขึ้นทางจังหวัดพิษณุโลกที่บ้านใหม่ร่องกล้า ระยะทางจากบ้านใหม่ร่องกล้าขึ้นไปบนภูลมโลก็เพียง 6-7 กิโลเมตรเท่านั้น ค่าเหมารถกระบะ 4WD ขึ้นไปบนภูลมโลก็ประมาณ 600-1,0000บาท แล้วแต่จำนวนคนและระยะทาง ทางขึ้นทั้ง 2 ทางเป็นถนนลูกรัง แคบและมีฝุ่นมาก ควรเตรียมหมวกและผ้าคลุมหน้ากันฝุ่นไปด้วย

เราตัดสินใจว่าจะไปขึ้นภูลมโลทางด้านบ้านใหม่ร่องกล้า เพราะใกล้กว่า ค่ารถก็ถูกกว่า ไม่แน่ใจว่าที่ภูลมโลจะมีที่พักสะดวกหรือไม่ เราเลยแวะค้างคืนที่เขาค้อ 1 คืน แล้ววันรุ่งขึ้นก็ขับรถจากเขาค้อไปที่บ้านใหม่ร่องกล้า ระยะทางจากเขาค้อไปบ้านใหม่ร่องกล้าก็ประมาณ 100-120 กิโลเมตรเท่านั้น แต่เส้นทางคดเคี้ยวมากใช้เวลาขับรถประมาณ 2 ชั่วโมงเพราะต้องขับผ่านภูทับเบิก เพื่อไปยังอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า โดยจะมีทางแยกเลี้ยวขวาไปบ้านใหม่ร่องกล้าที่พิกัด N16.98094 E101.02699 หลังจากจอดรถแล้ว เราก็ไปติดต่อขอเหมารถกระบะ 4WD เพื่อขึ้นไปดูซากุระบานบนภูลมโล

ที่ติดต่อเช่ารถกระบะ ไม่เกิน 6 คน คิดเหมาคันละ 600-800 บาท

ภูลมโลจะปลูกต้นนางพญาเสือโคร่งเป็นแปลงๆ ไล่ตั้งแต่ต้นทางและลึกเข้าไปเรื่อยๆ ต้นนางพญาเสือโคร่งจะบานไม่พร้อมกัน แล้วแต่ความสูงของแต่ละพื้นที่ ที่ไหนสูงกว่า อากาศเย็นก็จะบานเร็ว ที่ลึกเข้าไป ต้นนางพญาเสือโคร่งก็จะบานช้ากว่า


ต้นนางพญาเสือโคร่งที่ภูลมโลปีนี้ แปลงด้านหน้าจะบานเต็มที่ประมาณกลางเดือนมกราคม แปลงที่ลึกเข้าไปก็จะทยอยบานไปเรื่อยๆ จนถึงประมาณต้นเดือนกุมภาพันธ์

ในช่วงกลางเดือนมกราคม เป็นช่วงที่ดอกนางพญาเสือโคร่งบานสวยงามมาก


ดอกนางพญาเสือโคร่งบานเต็มภูเขาระหว่างทาง


ภูลมโล เป็นภูเขาสูงตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,600 เมตร  มองเห็นพื้นที่ 3 จังหวัด คือ เพชรบูรณ์ พิษณุโลกและเลย
ทางเดินขึ้นไปยอดภูลมโล


จุดชมวิวที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์รอบข้างได้อย่างชัดเจน


ภูลมโลเดิมเป็นพื้นที่สีแดง ผู้ก่อการร้ายใช้เป็นสถานที่ตั้งและเป็นสนามบินลำเลียงอาวุธ ภูลมโลในปัจจุบันมีธรรมชาติสวยงามท่ามกลางทะเลหมอกปกคลุมทั่วขุนเขาในยามเช้า


ระหว่างทางลงจากภูลมโลไปยังที่จอดรถด้านล่าง เห็นมีที่พักอยู่ข้างทาง เลยขอให้คนขับรถจอดรถ แล้วเราก็แวะเข้าไปถามข้อมูล ฮ่องก๋าฮิลล์ เป็นที่พักที่ใกล้ภูลมโลที่สุด ที่นี่เปิดบริการมาได้ 2 ปี มีทั้งห้องพักและที่กางเต็นท์


ฮ่องก๋าฮิลล์มีห้องพักอยู่ 3-4 หลัง และเต็นท์ให้เช่า จากที่นี่สามารถขับรถ (กระบะ) ไปถึงบนภูลมโลได้ ไม่ควรใช้รถเก๋งเพราะถนนไม่ดีและทางลาดชัน ถ้าไม่อยากขับรถขึ้นไปเองก็สามารถเช่ารถจากที่พักขึ้นไปบนภูลมโลได้


เราออกจากภูลมโลเดินทางต่อไปยังชัยภูมิเพื่อชมมหัศจรรย์มอหินขาว สโตนเฮนจ์เมืองไทย ระยะทางประมาณ 240 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง เพราะถนนแคบ รถวิ่งสวนทางกัน
เราไปถึงมอหินขาวในช่วงบ่าย


มอหินขาวอยู่ห่างจากตัวเมืองชัยภูมิประมาณ 40 กิโลเมตร อยู่ในอุทยานแห่งชาติภูแลนคา ถนนดีเป็นทางลาดยางไปตลอดจนถึงมอหินขาว


มอหินขาวเป็นกลุ่มหินขนาดใหญ่จำนวน 3 กลุ่ม เกิดจากกระบวนการเปลี่ยนแปลงของเปลือกโลก การผุพังและการกัดเซาะของน้ำ ลม และแสงแดดมาเป็นเวลานับร้อยล้านปี จนปรากฏเป็นหินรูปทรงต่างๆ แปลกตา ในทวีปเอเชียจะมีที่นี่เพียงแห่งเดียว ที่เป็นที่รู้จักและเป็นสัญลักษณ์ของมอหินขาวที่เราคุ้นเคยจากภาพโฆษณาของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย คือกลุ่มหินกลุ่มที่ 1  ซึ่งเป็นลานกว้างโดดเด่นด้วยแท่งหินขนาดใหญ่ 5 แท่ง ตั้งเรียงรายกันเป็นแถว มีความสูงประมาณ 12 เมตร กลุ่มหินที่ 2 และ3 จะอยู่ห่างออกไป มีขนาดเล็กไม่สวย นักท่องเที่ยวเลยไม่ค่อยให้ความสนใจ ส่วนใหญ่มาชมและถ่ายรูปหินกลุ่มที่ 1 ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของมอหินขาวเท่านั้น


ที่มาของคำว่ามอหินขาวนั้น เชื่อกันว่าในสมัยก่อนที่บริเวณนี้เป็นป่าทึบ ต่อมามีชาวบ้านมาบุกเบิกทำไร่ และเห็นมีหินขนาดใหญ่อยู่ทั่วไป ก็ไม่ได้ให้ความสนใจ จนชาวบ้านคนหนึ่งสังเกตเห็นว่าหินแท่งใหญ่ 5 แท่งนี้จะมีแสงสีขาวส่องขึ้นมาทุกคืนวันพระ เลยมีการตั้งชื่อสถานที่แห่งนี้ว่า มอหินขาว มอเป็นภาษาอีสานแปลว่า เนินเขาที่ไม่สูงมากนัก

>> มอหินขาวได้รับเลือกเป็นสถานที่ Unseen in Thailand   เสาหินแต่ละต้นจะมีชื่อและให้พรแก่ผู้กราบไหว้แตกต่างกันไป เช่น “ขุนศรีวิชัย” ให้พรด้านการให้มีชัยชนะ “หลวงปู่ฤาษี” ให้พรด้านโชคลาภและหายจากความเจ็บป่วย “หลวงสมชาย” ให้พรด้านความมีสง่าราศี “หลวงจันทร์”ให้พรด้านยศฐาบรรดาศักดิ์ และ “หมื่นสิงขร” ให้พรด้านความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน

หลังจากนั้นเราก็ขับรถต่อไปยังจุดชมวิวผาหัวนาค เป็นหน้าผาปกคลุมไปด้วยต้นไม้ ไม่มีอะไรน่าสนใจ เราก็เลยเดินทางเข้าเมืองชัยภูมิ ทานอาหารเย็นที่ร้านปนัดดา อยู่เยื้องกับปั๊ม ปตท. อาหารที่นี่เป็นอาหารเวียดนาม อร่อยมาก หลังจากนั้นก็ขับรถกลับ กทม.

ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก : http://travel.sanook.com/1394401/