น้ำตาล!!! ตัวร้ายทำลายสุขภาพ

“น้ำตาล” น่ะถือเป็นตัวร้ายของสุขภาพคุณเลยแหละ มาดูซิว่า “น้ำตาล” ทำร้ายสุขภาพได้อย่างไรบ้าง ขนาด Jessica Biel ยังเคยประกาศเลยว่า เธอจะไม่กินน้ำตาลและแป้ง แล้วนั่นคืออะไรอ่ะ เธอแค่โปรโมตร้านขายเบเกิลค่า

20150714-6

น้ำตาล…ตัวการความอ้วน

น้ำตาลให้พลังงานได้รวดเร็ว แต่ไม่ค่อยมีสารอาหารเท่าใดนัก และเมื่อร่างกายใช้พลังงานที่รับเข้าไม่หมด ตับก็จะเปลี่ยนน้ำตาลเป็นไขมันไปสะสมทั่วร่างกาย และเมื่อคุณติดใจในความหวาน คุณก็จะยิ่งกินหวานมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว ทีนี้ไขมันก็จะพอกพูนขึ้นเรื่อยๆ และก็ตามมาด้วยโรคจากความอ้วนต่างๆ

น้ำตาล…มาพร้อมกับเบาหวาน

แม้ว่าโรคเบาหวานส่วนหนึ่งอาจเกิดจากพันธุกรรม แต่ถ้าคุณติดหวานแม้จะไม่มีคนในครอบครัวเป็นเบาหวาน คุณก็อาจเป็นเบาหวานได้เหมือนกัน ทางที่ดีควรตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดเป็นระยะๆ และควบคุมปริมาณอาหารหวานและออกกำลังกายดีกว่า แค่นี้เบาหวานก็ห่างไกลจากตัวเราแล้วล่ะ

น้ำตาล…ทำลายสุขภาพฟัน

รู้มั้ยว่าการกินน้ำตาลเยอะๆ บ่อยๆ แล้วไม่ทำความสะอาดช่องปากให้ดี อาจเกิดแบคทีเรียในช่องปากซึ่งแบคทีเรียเหล่านี้จะย่อยน้ำตาล ทำให้เกิดกรดและสารพิษออกมาจนทำให้เกิดโรคปริทันต์ และอาจทำให้คุณสุญเสียฟันได้ นอกจากนี้ โรคนี้ยังนำมาซึ่งกลิ่นไม่พึงประสงค์ในช่องปากอีกด้วย

น้ำตาล…ทำร้ายหัวใจ

ไม่ได้มีแค่ไขมันเท่านั้นที่ทำร้ายหัวใจ น้ำตาลหวานๆ ก็ทำอันตรายหัวใจคุณได้เช่นกัน โดยมีงานวิจัยชิ้นหนึ่งบอกว่า คนที่ได้รับพลังงานจากน้ำตาลเกิน 17.5% ของพลังงานทั้งหมด จะมีไขมันเลวในกระแสเลือดสูงกว่าคนทั่วไป 20-30% และหากพลังงานจากน้ำตาลเกิน 25% ก็มีโอกาสที่ไขมันดีจะต่ำมากกว่าคนที่กินน้ำตาลน้อยถึง 3 เท่า ทำให้คุณมีโอกาสเป็นหลอดเลือดหัวใจอุดตันหรือหัวใจวายได้ค่อนข้างสูง

น้ำตาล…อาจเพิ่มความเสี่ยงมะเร็ง

นักวิจัยบางคนเชื่อว่าน้ำตาลเป็นตัวเร่งการเติบโตและแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง นอกจากนี้ ยังมีงานวิจัยอีกหลายชิ้นที่คอนเฟิร์มว่าการกินหวานจัดๆ จะเพิ่มความเสี่ยงมะเร็งให้สูงขึ้นได้ ดังนั้น ถ้าไม่อยากเสี่ยงกับมะเร็งก็ต้องเลิกกินของหวานซะ

xSugar.jpg.pagespeed.ic.qtxXOUpljZ

4 วิธีหยุดกินน้ำตาลอย่างมีสติ

  • ห้ามอดมื้อเช้า เมื่อใดก็ตามที่คุณเริ่มใช้แรงงานและสมองก่อนที่อาหารจะตกถึงท้อง ระดับน้ำตาลในเลือดที่ลดลงจะทำให้คุณหิว และอาจคว้าของที่เพิ่มพลังงานให้ร่างกายได้เร็วอย่างน้ำตาลเข้าปากได้ง่าย ทำให้ 90% ของคนที่อดมื้อเช้า “ติดหวาน”
  • กินผลไม้น้ำตาลต่ำ ป้องกันความโหยของหวานระหว่างวันด้วยผลไม้อย่างฝรั่ง แอปเปิ้ล ชมพู่ พุทรา รับรองเฮลตี้สุดๆ
  • เลี่ยงเครื่องดื่มหวานๆ รู้ไว้ว่าเครื่องดื่มดับกระหายที่ดีที่สุดก็คือน้ำเปล่า หากต้องการกาเฟอีนก็ควรเลือกดื่มชาดำหรือกาแฟดำ
  • ดีท็อกซ์ความหวานบ้าง เราไม่ได้บอกให้คุณไปเข้าคอร์สที่ไหนหรอกนะ แต่อดรสหวานสัก 2-3 วันเดี๋ยวคุณก็จะรู้สึกดีขึ้นเอง แต่ถ้าหักดิบไม่ไหว ก็ค่อยๆ กินหวานให้น้อยลง ไม่นานคุณก็จะไม่กินหวานไปเอง

ตกใจมั้ยล่ะ เมื่อเห็นว่าน้ำตาลที่เพิ่มความอร่อยให้มื้ออาหารทำร้ายสุขภาพเราได้มากขนาดนี้ แต่อย่าเพิ่งกังวลไป ก็แค่ลดหวานซะ แค่นี้สุขภาพดีก็จะอยู่กับคุณไปอีกนานแล้วล่ะ

 

 

 

 

ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพประกอบจาก:http://www.lisaguru.com/